รู้จัก9สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ความสวยงามที่กำลังหายไป

สัตว์โลกที่ใกล้สูญพันธุ์

ในโลกใบนี้มีสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์มากถึง 28 % ตัวเลขที่เห็นอาจจะดูไม่เยอะ แต่หากคิดเป็นจำนวนพันธุ์ของสัตว์ที่จะไม่ได้เห็นอีกต่อไปบนโลกก็จะพบว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว เพียงแค่พันธุ์เดียวที่สูญไปก็ทำให้สีสันในธรรมชาติบนโลกหายไปหนึ่งสี และยังส่งผลกระทบถึงระบบนิเวศอย่างห่วงโซ่อาหารของสัตว์ในบริเวณนั้นๆ อีกด้วย มาดูตัวอย่างสัตว์โลกที่ใกล้สูญพันธุ์ทั้งหมด 9 ชนิด ดังนี้

 

 

 

 

1. แรดชวา

แรดชวาเป็นสัตว์ที่หนังพับ หนังย่นเหมือนกับช้าง ซึ่งรอยพับมีอยู่ 5 แห่ง คือ บริเวณช่วงคอถึงหัวไหล่ หรือจะเป็นโคนขาที่ทบไปข้างหน้าและพาดต่อไปถึงโคนขาหน้าอีกด้านหนึ่ง ส่วนบริเวณโคนขาหลังด้านหนึ่งจะผ่านสะโพกยาวไปถึงโคนขาหลังไปอีกด้านหนึ่ง และบริเวณโคนหาง และที่โดดเด่นสำหรับแรดตัวนี้คือบริเวณเหนือจมูกจะมีนอสั้น ๆ หนึ่งนอ และเป็นแรดที่นอเล็กกว่าแรดชนิดอื่น มีกีบเท้า 4 ข้าง ข้างละ 3 กีบ มีริมฝีปากที่งุ้มงอยทำหน้าที่คล้ายมือในการเอาของกินเข้าปาก

แรดชวามีถิ่นที่อยู่อาศัยตามเกาะอินโดนีเซีย ไทย พม่า เวียดนาม ลาว บังกลาเทศ และอินเดีย ระดับความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ถึง 27% จำนวนเหลืออยู่ในไทยไม่สามารถระบุได้ ส่วนเหลืออยู่โลก 72 ตัว

2. เสือโคร่งสุมาตรา

เสือโคร่งสุมาตราจะมีลักษณะแตกต่างจากเสือโคร่งสายพันธุ์อื่นๆ คือ บริเวณต้นคอของมันจะมีลักษณะที่หนามาก และยังมีลวดลายที่มากกว่าด้วย บางเส้นมีความเด่นแตกเป็นคู่และสีเข้มที่สุด แต่มีขนาดลำตัวเล็ก ตัวผู้เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวเริ่มต้นจากหัวยันหางถึง 2.4 เมตร และมีน้ำหนักประมาณ 100-140 กิโลกรัม กลับกันตัวเมียจะมีความยาวเพียง 2.2 เมตร และหนักแค่ 91 กิโลกรัมเท่านั้น

ถิ่นอาศัยจะกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะเกาะสุมาตราเท่านั้น ล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็นหมูป่า กวาง รวมไปถึงลิงอุรังอุตัง ระดับความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ถึง 27% จำนวนที่เหลืออยู่ในไทยประมาณ 400-450 ตัว และเหลืออยู่ทั่วโลกที่ 200 กว่าตัว 

4. แพนด้า

ลักษณะของหมีแพนด้าจะมีเอกลักษณ์ตรงขนสีดำและสีขาว ส่วนหัว คอ สะโพกจะเป็นลักษณะสีขาวรอบดวงตาทั้งสองดวง ส่วนไหล่ หู ขาหน้า ขาหลังจะมีสีดำ ซึ่งหัวของหมีแพนด้าจะใหญ่เทียบสัดส่วนของตัว เท้าหน้ามี 6 นิ้ว พร้อมที่จะกางออกทุกครั้งเมื่อต้องปะทะ หรือปีนต้นไม้หาอาหาร 

แพนด้าจะอาศัยอยู่ที่ระดับสูงถึง 1,200 – 3,500 เมตร ชอบอยู่ในป่าที่มีต้นไผ่หนาแน่น ส่วนใหญ่พบได้ในประเทศจีน แนวเขตราบสูงของทิเบต และอาหารของแพนด้าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มาจากต้นไผ่ อาจมีพืชอื่นๆ ด้วยแต่เป็นส่วนน้อย และมีกินเนื้อบ้างเล็กน้อย ระดับความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ถึง 27% ณ ปัจจุบัน จำนวนแพนดาที่เหลืออยู่ทั่วโลกมีจำนวน 2,000 – 3,000 ตัว

5. นกเงือก

นกเงือกเป็นนกที่มีรูปร่างหน้าตาโบราณโดยมีอายุถือกำเนิดบนโลกนี้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านปี เป็นนกที่ไม่ได้มีสีสันสะดุดตา ขนมีเพียงแค่สีดำ-ขาวทั้งตัว แต่ก็มีบางตัวมีขนสีน้ำตาล หรือเทา บางตัวที่สีสันฉูดฉาดจะเป็นส่วนของหนังเปลือย เช่น หนังบริเวณขอบตา คอ และจะพบสีเหลืองจัดตรงปากและโหนกของนก นกเงือกจะกินผลไม้และสัตว์เล็กเป็นอาหาร แต่หลักๆ ก็จะเป็นผลไม้ ถิ่นที่อยู่ของนกเงือกจะอยู่ป่าที่ราบต่ำ และป่าพรุทางใต้ ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ที่ถูกบุกรุกได้ง่าย ทำให้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ระดับความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ของนกเงือกอยู่ที่ 13% จำนวนที่เหลืออยู่ในไทยข้อมูลในปี 2563 ทางการศึกษานิเวศได้ทำรังออกลูกนกถึง 232 โพรงรัง ทำให้ได้ลูกนกมากถึง 268 ตัว ส่วนจำนวนทั้งโลกไม่สามารถระบุได้

6.เต่ามะเฟือง

เต่ามะเฟืองจัดเป็นเต่าทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดโตเต็มวัยถึง 1.5 – 2.5 เมตร และมีน้ำหนัก 800 – 900 กิโลกรัม ลักษณะกระดองจะเป็นหนังหุ้ม ต่างจากเต่าชนิดอื่นที่มีกระดองแข็ง ลักษณะเป็นตีนพายเพื่อใช้ในการเคลื่อนที่ในน้ำ หัวของมันใหญ่ไม่สามารถหดเข้ากลับกระดองได้เหมือนเต่าตัวอื่น และที่สำคัญกระดองหลังของมันจะเป็นลักษณะร่องสันนูนตามยาว 7 สันคล้ายกับผลมะเฟือง 

เรามักจะพบเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่เฉพาะบริเวณชายทะเลฝั่งอันดามันด้านตะวันตก จังหวัดพังงา ภูเก็ต และเกาะตะรุเตา เต่ามะเฟืองจะกินแมงกะพรุนอาหารหลัก ระดับความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์จะอยู่ที่ 41% และปัจจุบันจำนวนที่เหลืออยู่ในไทยเหลือเพียง 300-400 รังต่อปี ส่วนจำนวนทั้งโลกไม่สามารถระบุได้

7. โลมาวากีตา

สำหรับเจ้าโลมาวากีตา เป็นโลมาที่ใครเห็นต่างก็หลงรัก เพราะมันเป็นโลมาขนาดเล็กที่พบได้เฉพาะตอนเหนือของอ่าวแคลิฟอร์เนีย หรือชายฝั่งทะเลเม็กซิโก ตัวโตเต็มวัยมีความยาวถึง 1.2-1.5 เมตร ซึ่งมีขนาดพอๆ กับเด็กอายุ 14 ขวบ และหนักประมาณ 40-45 กิโลกรัม โดยตัวเมียจะใหญ่กว่าตัวผู้ โลมาวากีตามีวงแหวนสีดำรอบดวงตา ส่วนริมฝีปากสีดำโดดเด่นมาก ร่างกายส่วนบนจะเป็นสีเทาเข้ม ด้านข้างจะเป็นสีเทาอ่อน ส่วนล่างจะขาว มีครีบที่ใหญ่และกระโดงโค้งกว่าโลมาทั่วไป

ถิ่นที่อยู่อาศัยของมันอย่างที่ทราบจะอยู่ชายฝั่งเม็กซิโกเป็นหลัก แต่อยู่รวมกันเป็นฝูง หากพวกมันสูญพันธุ์ก็เท่ากับว่าเม็กซิโกสูญเสียเสน่ห์อย่างหนึ่งไปเลย ส่วนการกินของโลวากีตาจะกินจะกินปลาและหมึกเป็นหลัก ระดับความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์อยู่ที่ 37% และจำนวนที่เหลืออยู่ในทั่วโลกจากข้อมูลล่าสุดเหลือเพียง 10 ตัวเท่านั้น

8. วาฬสีน้ำเงิน

วาฬสีน้ำเงินมีส่วนหัวเป็นสีเงินสม่ำเสมอ ตัวของมันส่วนหลังจะเป็นสีน้ำเงินอมเทา ท้องจะสีจางกว่าเล็กน้อย ด้านหลังและข่างมีลายน้ำเงินและเทาอ่อนเป็นดวงๆ เป็นรอยด่าง ตัวจะเพรียวยาว หัวกว้างคล้ายตัวยู มีสันกลางหัว 1 สัน โตเต็มวัยยาวถึง 29 เมตร มีน้ำหนัก 72-135 ตัน หนักที่สุด 180 ตันอายุยืนถึง 80-90 ปี

วาฬสีน้ำเงินจะอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง และจะอพยพย้ายถิ่นที่อยู่ระยะไกล เคยพบในไทย 3 ครั้ง คือที่หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะลิบง และหมู่เกาะสิมิลัน ส่วนการกินของมันหลักๆ จะเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็กไปถึงกลาง ระดับความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์อยู่ที่ 27% จำนวนที่เหลืออยู่ทั่วโลกประมาณ 10,000 – 25,000 ตัว

คลิปส่งงานอาจารย์เต

สถิติเยี่ยมชม

130