ยุคของ ทอดด์ โบห์ลี (ค.ศ. 2022ปัจจุบัน)
ทอดด์ โบห์ลี (ค.ศ. 2022–ปัจจุบัน)
ผู้เล่นเชลซีฉลองชัยชนะหลังจากชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 โดยเอาชนะปารีแซ็ง-แฌร์แม็งในนัดชิงชนะเลิศ
ในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 สโมสรได้ออกแถลงการณ์ถึงการได้กลุ่มเจ้าของใหม่ซึ่งนำโดย ทอดด์ โบห์ลี ภายหลังจากขั้นตอนในการเข้าคุมกิจการลุล่วงเป็นที่เรียบร้อย[55] โดยโบห์ลี นักธุรกิจชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นประธานและซีอีโอของ Eldridge รวมถึงเคลียร์เลค แคปิตัล กรุ๊ป คือกลุ่มทุนเจ้าของใหม่ที่เข้ามาควบคุมกิจการสโมสรต่อ ขั้นตอนในการซื้อขายผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร และพรีเมียร์ลีก และในวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 2022 สโมสรได้ประกาศว่า บรูซ บัค จะก้าวลงจากตำแหน่งประธานสโมสรสรเมื่อสิ้นสุดเดือนมิถุนายน หลังจากดำรงตำแหน่งมายาวนานตั้งแต่ ค.ศ. 2003 แต่จะยังรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอาวุโสให้แก่สโมสร[56] โดยโบห์ลีจะเข้ามาดำรงตำแหน่งต่อควบคู่ไปกับการเป็นเจ้าของทีม ตามด้วยการลาออกของบุคคลสำคัญอีกสองรายได้แก่ มารินา กรานอฟสกายา ผู้อำนวยการของสโมสร[57] และ แปเตอร์ แช็ค อดีตผู้เล่นคนสำคัญซึ่งลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคนิคและศักยภาพ[58]
ในวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2022 ทุคเคิลได้ถูกปลดเนื่องจากผลงานไม่เป็นที่ประทับใจ[59] เกรอัม พอตเตอร์ อดีตผู้จัดการทีมไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน เข้ามารับตำแหน่งแทนด้วยสัญญา 5 ปี[60] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2023 เชลซีเซ็นสัญญากับเอนโซ เฟร์นันเดซ จากสปอร์ลิชบัวอีไบฟีกาด้วยราคา 121 ล้านยูโร (106.8 ล้านปอนด์) นับเป็นสถิติตลอดกาลในการซื้อตัวผู้เล่นของสโมสร และเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรในสหราชอาณาจักร พอตเตอร์ถูกปลดในเดือนเมษายน ค.ศ. 2023 หลังจากผลงานย่ำแย่โดยอันดับตกไปอยู่กลางตาราง แฟรงก์ แลมพาร์ด กลับมาคุมทีมชั่วคราวอีกครั้งจนจบฤดูกาล[61] แต่ก็พาทีมทำผลงานย่ำแย่ต่อเนื่อง โดยชนะเพียงนัดเดียวจาก 11 นัดรวมทุกรายการ แลมพาร์ดมีเปอร์เซนต์การคุมทีมชนะเพียง 9% ซึ่งนับเป็นสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดของผู้จัดการทีมเชลซีที่คุมทีมตั้งแต่ 3 นัดขึ้นไป[62] สโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับ 12 ซึ่งเป็นการจบอันดับในครึ่งล่างของตารางครั้งแรกตั้งแต่ฤดูกาล 1995–96 และทำได้เพียง 38 ประตูซึ่งเป็นสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก เมาริซิโอ โปเชติโน เข้ามาคุมทีมต่อด้วยสัญญาสองปี[63] และพาทีมเข้าชิงชนะเลิศอีเอฟแอลคัพฤดูกาล 2023–24 แต่แพ้ลิเวอร์พูล 0–1 และจบอันดับ 6 ได้สิทธิ์แข่งขันยูฟ่าคอนเฟอเรนซ์ลีก ฤดูกาล 2024–25 รอบคัดเลือกและรอบเพลย์ออฟ เขาถูกยกเลิกสัญญาในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 เนื่องจากขัดแย้งกับผู้บริหารในด้านแนวทางการทำทีม โดยเฉพาะการใช้งานผู้เล่นเยาวชน[64][65][66]
เอนโซ มาเรสกา เข้ามารับตำแหน่งในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 2024 เขาพาเชลซีจบอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024–25 ได้ลงแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และเอาชนะเรอัลเบติสในยูฟ่าคอนเฟอเรนซ์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2025 ด้วยผลประตู 4–1 คว้าแชมป์สมัยแรก และเป็นถ้วยรางวัลใบแรกในยุคของโบห์ลี เชลซีกลายเป็นทีมที่สองจากอังกฤษที่ชนะการแข่งขันรายการนี้ และยังเป็นสโมสรแรกของยุโรปที่ชนะเลิศการแข่งขันรายการหลักของยูฟ่าครบทุกรายการ (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลัก, ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ, ยูฟ่ายูโรปาลีก และยูฟ่าคอนเฟอเรนซ์ลีก) เชลซีลงแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ในเดือนมิถุนายน 2025 ที่สหรัฐ และชนะเลิศรายการนี้เป็นสมัยที่ 2 ด้วยการชนะปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง 3–0 ในนัดชิงชนะเลิศ โดยในปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีการเพิ่มจำนวนทีมลงแข่งขันเป็น 32 ทีม[67] ถือเป็นถ้วยรางวัลใบที่สองของมาเรสกา
